วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การวัดด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain)

การวัดด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain)
การวัดพฤติกรรมด้านพุทธินิสัย จะใช้ข้อสอบต่างๆเป็นเครื่องมือวัด ส่วนจะใช้ข้อสอบชนิดใด ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการวัด แบ่งข้อสอบได้เป็น 3 กลุ่ม คือ ให้ตอบโดยอิสระ (Free-response)จำกัดคำตอบ(Restricted response) และ ให้ตอบตามโครงสร้างที่กำหนด (Structused-response)
ชนิดของข้อสอบ
1.       ข้อสอบอัตนัย ข้อสอบชนิดนี้จะตั้งคำถามให้ผู้สอบตอบโดยใช้ภาษาของตนเอง
2.       ข้อสอบเติมคำ/ตอบสั้น ข้อสอบชนิดนี้ต้องการให้นักเรียนตอบเพียงหนึ่งหรือสองคำ หรือตอบเป็นประโยคสั้นๆ หรือเติมข้อความสมบูรณ์
3.       ข้อสอบถูก-ผิด ข้อสอบชนิดนี้จะให้มาเป็นข้อความหรือคำกล่าว แล้วให้ผู้ตอบเลือกว่า ถูก-ผิด จริง-เท็จ
4.       ข้อสอบจับคู่ ข้อสอบชนิดนี้จะประกอบด้วยรายการ 2 พวก พวกหนึ่งอาจเป็นคำจำนวนสัญลักษณ์ อีกพวกหนึ่งอาจเป็นประโยคผู้ตอบจะต้องจับคู่ระหว่าง 2 รายการนี้ให้สัมพันธ์กัน
5.       ข้อสอบเลือกตอบ เป็นข้อสอบปรนัยที่นิยมใช้กันมากกว่าข้อสอบปรนัยแบบอื่น ข้อสอบ
ประเภทนี้มีส่วนประกอบที่สำคัญอยู่ 2 ส่วน คือ (ชวาล  แพรัตกุล 2516 : 166)
1.      ตัวคำถาม (Stem)
2.       ตัวเลือก (Choices หรือ Options) ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
 -  ตัวถูก (Correct Choice)
 -  ตัวลวง (Decoys หรือ Distracters)

การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain)
บลูม (Bloom) และคณะ ได้จำแนกจุดประสงค์ทางการศึกษาออกเป็น 3 ด้าน พฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย ได้แบ่งย่อยเป็น 6 ด้าน และแต่ละด้านได้แบ่งเป็นพฤติกรรมย่อย ๆ รวมทั้งหมด 21 พฤติกรรม
พฤติกรรมทั้ง 6 ด้าน มีดังนี้

1.ความรู้ความจำ (Knowledge)
ความรู้ความจำ หมายถึง ความสามารถของสมองที่เก็บสะสมเรื่องราวต่าง ๆ หรือประสบการณ์ทั้งปวง ที่ตนได้รับรู้มา
          1.1 ความรู้ในเนื้อเรื่อง หมายถึง การถามเกี่ยวกับเรื่องราวหรือเนื้อหาสาระตาม
ท้องเรื่องนั้น
 1.1.1 ความรู้เกี่ยวกับศัพท์และนิยาม หมายถึง การถามเกี่ยวกับคำศัพท์ นิยามคำแปล ความหมาย ชื่อ อักษรย่อ สัญลักษณ์ เครื่องหมาย รูปภาพ
1.1.2 ความรู้เกี่ยวกับกฎและความจริง หมายถึง การถามเกี่ยวกับ กฎ สูตร ความจริงตามท้องเรื่อง ขนาด ทิศทาง ปริมาณ เวลา คุณสมบัติ ระยะทาง เปรียบเทียบ สาเหตุ

1.2 ความรู้ในวิธีดำเนินการ หมายถึง การถามเกี่ยวกับขั้นตอนของกิจกรรมวิธีดำเนินเรื่องราว วิธีประพฤติปฏิบัติ
           1.2.1 ความรู้เกี่ยวกับระเบียบแบบแผน หมายถึง การถามเกี่ยวกับแบบฟอร์ม ระเบียบ แบบแผน วัฒนธรรม ประเพณี การใช้คำสุภาพ คำราชาศัพท์
            1.2.2 ความรู้เกี่ยวกับลำดับขั้นและแนวโน้ม หมายถึง การถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน -หลัง ข้อคำถามแนวโน้มส่วนใหญ่ใช้คำว่า มักจะ เพราะเป็นการคาดคะเนเหตุการณ์
           1.2.3 ความรู้เกี่ยวกับการจัดประเภท หมายถึง การถามให้จำแนก แจกแจง จัดประเภท หรือถามในรูปปฏิเสธ เช่น ไม่เข้าพวก ไม่เข้ากลุ่ม
          1.2.4 ความรู้เกี่ยวกับเกณฑ์ หมายถึง ข้อกำหนดที่ยึดเป็นหลักแล้วนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งต่าง ๆ ถามเอกลักษณ์
          1.2.5 ความรู้เกี่ยวกับวิธีการ หมายถึง การถามวิธีปฏิบัติ การทำกิจกรรมขั้นตอนการทำงาน เช่น ปฏิบัติอย่างไร ควรทำโดยวิธีใดจึงจะมีประสิทธิภาพ

1.3 ความรู้รวบยอดในเนื้อเรื่อง หมายถึง ความสามารถในการค้นหาหลักการหรือหัวใจของเรื่อง
          1.3.1 ความรู้เกี่ยวกับหลักวิชาและการขยาย หมายถึง หัวใจของเรื่องราวที่เกิดจากหลาย ๆ ความคิดรวบยอดมารวมกัน การขยายเป็นการขยายความต่อออกไปจากสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่รู้มา หรือสรุปออกจากนอกเรื่องนั้น ๆ
  1.3.2 ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีและโครงสร้าง หมายถึง ถามเกี่ยวกับ คติ และหลักการ ของหลายเนื้อหาที่ไม่สัมพันธ์กัน
ตัวอย่างข้อสอบ
ในวันพ่อแห่งชาติ นักเรียนสามารถใช้โปรแกรม Paintทำสิ่งใดให้พ่อได้
ก.อัดเสียงร้องเพลง
ข.จดหมายบอกรักพ่อ
ค.แผ่นพับเรื่องพ่อ
ง.การ์ดอวยพร
ตอบ ง.การ์ดอวยพร
2.ความเข้าใจ (Comprehension) หมายถึง ความสามารถในการนำความรู้ความจำไปดัดแปลงปรับปรุง เพื่อให้สามารถจับใจความ หรือเปรียบเทียบ ย่นย่อเรื่องราว ความคิด ข้อเท็จจริงต่าง ๆ 
2.1 การแปลความ หมายถึง ความสามารถแปลสิ่งซึ่งอยู่ในระดับหนึ่งไปยังอีกระดับหนึ่งได้ สุภาษิต สำนวน โวหาร
           2.2 การตีความ หมายถึง การจับใจความสำคัญของเรื่องหรือการเอาเรื่องราวเดิมมาคิดในแง่ใหม่
          2.3การขยายความ หมายถึง การคาดคะเนหรือคาดหวังว่า จะมีสิ่งนั้นเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในอดีต หรืออนาคต โดยอาศัยแนวโน้มที่ทราบมาเป็นหลัก
   ตัวอย่างข้อสอบ
ข้อใดเป็นการฟังเพื่อความจรรโลงใจ (ความเข้าใจ)
. การฟังข่าว
. การฟังเทศน์
. การฟังบรรยาย
. การฟังเพลง 
          ตอบ ข. การฟังเทศน์
3. การนำไปใช้ (Application) หมายถึง ความสามารถในการนำความรู้ ความเข้าใจในเรื่องราวใด ๆ ไปใช้ในสถานการณ์จริงในชีวิตประจำวันหรือในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
ตัวอย่างข้อสอบ
พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน ลูกดีใจราวกับ.....................
ควรเติมสำนวนใดลงในช่องว่างจึงจะถูกต้องเหมาะสม
ก. ไก่ได้พลอย
ข. วานรได้แก้ว
ค. กิ้งก่าได้ทอง
ง. ปลากระดี่ได้น้ำ
ตอบ ง. ปลากระดี่ได้น้ำ
4.การวิเคราะห์ (Analysis) หมายถึง การแยกแยะพิจารณาดูรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ หรือเรื่องราวต่าง ๆ ว่ามีชิ้นส่วนใดสำคัญที่สุด เป็นการใช้วิจารณญาณเพื่อไตร่ตรอง
          4.1 การวิเคราะห์ ความสำคัญ หมายถึง การพิจารณาหรือจำแนกว่า ชิ้นใด
ส่วนใด เรื่องใด ตอนใด สำคัญที่สุด หรือหาจุดเด่น จุดประสงค์สำคัญ
           4.2การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ หมายถึง การค้นหาความเกี่ยวข้องระหว่างคุณลักษณะสำคัญของเรื่องราวหรือสิ่งต่าง ๆ ว่าสองชิ้นส่วนใดสัมพันธ์กัน
          4.3 การวิเคราะห์หลักการ หมายถึง การให้พิจารณาดูชิ้นส่วน หรือส่วนปลีกย่อยต่าง ๆ ว่า ทำงานหรือเกาะยึดกันได้ หรือคงสภาพเช่นนั้นได้เพราะใช้หลักการใดเป็นแกนกลาง
      
ตัวอย่างข้อสอบ
          อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในข้อใดที่มีความสำคัญที่สุด
          ก.ซีพียู
          ข.เมาส์
          ค.จอภาพ
          ง.เครื่องพิมพ์
          ตอบ ก.ซีพียู
5. การสังเคราะห์ (Synthesis) หมายถึง ความสามารถในการผสมผสานเรื่องราวหรือสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างเป็นเรื่องราวใหม่
           5.1การสังเคราะห์ข้อความ หมายถึง การนำเอาความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ มาผสมหรือปรุงแต่งขึ้นใหม่ เกิดเป็นข้อความหรือเรื่องราวใหม่ ๆ เช่น การเขียนเรียงความ
          5.2 การสังเคราะห์แผนงาน หมายถึง เป็นการวัดความสามารถในการเขียนโครง
การ แผนปฏิบัติงาน
           5.3 การสังเคราะห์ ความสัมพันธ์ หมายถึง การเอาความสำคัญและหลักการต่าง ๆ มาผสมให้เป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้เกิดเป็นสิ่งสำเร็จหน่วยใหม่ ที่มีความสัมพันธ์แปลกไปจากเดิม
ตัวอย่างข้อสอบ
          บุคลในข้อใดใช้คอมพิวเตอร์เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียน
ก. อ้อ ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาประวัติเพื่อนต่างโรงเรียน
ข. อู๊ต ค้นหาเพลงไหมไทยทางอินเทอร์เน็ต
ค. เอ ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลทำรายงาน
ง. อิ่ม ใช้อินเทอร์เน็ตแชทหาเพื่อนต่างเพศ
ตอบ ค. เอ ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลทำรายงาน

6.การประเมินค่า (Evaluation) หมายถึง การวินิจฉัย หรือตีราคา เรื่องราว ความคิด เหตุการณ์ต่าง ๆ โดยสรุปเป็นคุณค่าว่า ดี-เลว
           6.1 การประเมินค่าโดยอาศัยข้อเท็จจริงภายใน หมายถึง การประเมินค่าโดยใช้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ตามท้องเรื่อง หรือตามสถานการณ์นั้น ๆ
           6.2 การประเมินค่า โดยอาศัยเกณฑ์ภายนอก หมายถึง การประเมินค่าโดยใช้เกณฑ์จากสิ่งภายนอกเรื่องราวนั้น ๆ เป็นหลักในการพิจารณาตัดสิน

 ตัวอย่างข้อสอบ
           ข้อความในข้อใดสมเหตุสมผลที่สุด
. สำนวนอดเปรี้ยวไว้กินหวานกับหวานเป็นลมขมเป็นยาเหมือนกัน
เพราะเป็นสำนวนเกี่ยวกับรสทั้งสองสำนวน. การออกกำลังกายเป็นประจำทำให้ร่างกายแข็งแรงและไม่แก่
. นักร้องคนนั้นจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังตลอดไป เพราะได้รับรางวัลมาแล้วสามครั้ง
ง. ข้อให้ท่านทั้งหลายพยายามทำความดีต่อไป เพราะธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม
ตอบ ง. ข้อให้ท่านทั้งหลายพยายามทำความดีต่อไป เพราะธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม

1 ความคิดเห็น: